ยุทธการ “ห่านบิน”
ผมเริ่มเข้าสู่วงการหุ้นเมื่อปีค.ศ. 1978 หรือ พ.ศ. 2521
โดยการเป็น Broker ในตลาด Commodity
โดยซื้อขายสินค้าโภคภัณฑ์ในตลาดญี่ปุ่นเป็นหลัก
โดยมีตลาด CBOT (Chicago Board Of Trade)
NYSE (New York Security Exchange)
เป็นตลาดรองและอ้างอิงในการซื้อขาย
ซึ่งเป็นตลาดที่เป็นแหล่งรวมเซียนที่มากและใหญ่ที่สุดในโลก
ตลาด TFEX และ AFEX ปัจจุบันของไทยที่เพิ่งเปิดเมื่อเร็วๆนี้
ถ้าเทียบกันแล้วยังห่างชั้นกันอีกมาก
ทั้งปริมาณซื้อขาย จำนวนสมาชิก และเทคนิคอื่นๆอีกมากมาย
สมัยนั้นการซื้อขายจะดูแนวโน้มและอ้างอิงจากค่า Currency เป็นสิ่งสำคัญที่สุด
สิ่งที่ผมจะต้องตรวจสอบความเคลื่อนไหวก่อนเริ่มงานทุกเช้าคือ “อัตราแลกเปลี่ยน”
ค่าของเงินสกุลหลักใหญ่ๆ มีผลต่อทั้งแนวโน้มเศรษฐกิจของโลก
รวมทั้งแนวโน้มการเคลื่อนไหวของราคาสินค้าจำพวก Commodities เป็นอย่างมาก
แม้ปัจจุบันได้เลิกร้างห่างหายการติดตามไปบ้าง แต่ก็ยังติดตามอยู่ห่างๆ
เมื่อราวปีค.ศ 1970 เศรษฐกิจอเมริกาเกิด Mini Crash
เนื่องจากขาดดุลทั้งบัญชีเดินสะพัดและขาดดุลการคลัง
ที่นักวิชาการเรียกว่า “ขาดดุลแฝด” (Twin deficits)
ประเทศที่อเมริกาขาดดุลมากที่สุดคือญี่ปุ่น
เมื่อญี่ปุ่นได้เปรียบดุลการค้าจากอเมริกามากกว่า 10 ปี เป็นจำนวนมหาศาล
ดังนั้นอเมริกาจึงใช้มาตรการตอบโต้กดดันทุกวิถีทาง
โดยการบังคับให้ญี่ปุ่นปรับเปลี่ยนค่าเงินซึ่งขณะนั้นถ้าจำไม่ผิดอยู่ราวๆ 250 Yen / Dollar
และบังคับให้รับซื้อพันธบัตรที่อเมริกาออกมาเป็นจำนวนมาก
เพื่อช่วยอุดหนุน Support อุตสาหกรรมภายในประเทศอเมริกาเอง
ตามที่นักวิชาการเรียกมาตรการนั้นว่า Plaza accord ในปี 1985
พร้อมกับตั้งธงให้กองทุนภายในประเทศ
รวมทั้งจัดตั้งกองทัพกองทุน Hedge Fund ทั้งหลาย
ออกไปแสวงหาผลกำไรจากตลาดหุ้นต่างประเทศทั่วโลก
โดยไม่จำกัดปริมาณทั้งเครื่องมือทั้งทางตรงแลทางอ้อม
รวมทั้งไม่จำกัดทั้งวิถีทางและวิธีการแต่อย่างใด
เมื่อญี่ปุ่นถูกบังคับให้รับซื้อพันธบัตรจำนวนมาก
ทำให้ญี่ปุ่นมีเงินคงคลังเป็น US Dollar มากที่สุดในโลก
ในขณะที่อเมริกาปล่อยให้ค่าเงินของตนเองอ่อนค่าลงอย่างมาก
และใช้มาตรการ Farm Act sanction
(สนับสนุนด้านการเงินโดยอุดหนุนเกษตรกรในประเทศทุกวิถีทาง
เพื่อช่วยเหลือให้ส่งออกได้ในรัฐบาลสมัย จิมมี่ คาร์เตอร์)
ส่งผลให้เงิน Yen แข็งค่ามากขึ้นเรื่อยๆ จาก 250 Yen
จนถึง 100 Yen / Dollar ในเวลาอันรวดเร็ว
เมื่อญี่ปุ่นถูกกดดันมากๆเข้า ส่งออกได้น้อยลงเพราะค่าเงินแข็ง
เจ้าของอุตสาหกรรมส่งออกของญี่ปุ่นก็โวยวายว่า
“หากไม่รีบแก้ไข เห็นทีภาคการส่งออกต้องล้มละลายระเนระนาดแน่”
รัฐบาลญี่ปุ่นจึงระดมสมองมาช่วยแก้ไขด้วยวิธีที่เรียกว่า
ยุทธการ “ห่านบิน” (Flying Geese)
ยุทธการ “ห่านบิน”
ยุทธการ “ห่านบิน” คือ “การอพยพย้ายถิ่นฐานที่อยู่ เพื่อเปลี่ยนแหล่งอาหารไปยังแหล่งที่อุดมสมบูรณ์กว่า”
โดยการนำเงินสำรองคงคลังที่เป็นสกุล Dollar ซึ่งมีค่าด้อยลงไปเรื่อยๆ
ออกไปลงทุนทั่วโลกโดยเฉพาะแถบเอเซีย ซึ่งรวมทั้งไทยด้วย
หรือจะกล่าวอีกนัยหนึ่งคือ
แปลงสินทรัพย์เงินที่อ่อนค่าให้เกิดผลผลิตในเชิงได้เปรียบ
โดยการย้ายฐานการผลิตออกนอกญี่ปุ่น
เมื่อญี่ปุ่นผลักภาระโดยการนำเงิน Dollar ที่อ่อนค่าลงเรื่อยๆ
ไปลงทุนต่างประเทศ ซึ่งมีทั้ง ฮ่องกง สิงคโปร์ ไต้หวัน เกาหลี
และไทยก็ได้รับอานิสงส์ผลดีจากการนั้นด้วย
อุตสาหกรรมการส่งออกของไทยในตอนนั้นกว่า 80 % เป็นการรับจ้างผลิตโดยญี่ปุ่น
โดยอาศัยแรงงานราคาถูกของไทย แต่สั่งวัตถุดิบต้นน้ำจากต่างประเทศ
หลังจากผลิตเพื่อส่งออกแล้ว
จึงนำเข้าสินค้าสำเร็จรูปมาจำหน่ายภายในประเทศไทยอีกที
เศรษฐกิจของไทยในยุคนั้น เรียกได้ว่า
เป็น ” ยุคโชติช่วงชัชวาล “
เงินคงคลังจากไม่กี่พันล้านเหรียญ
ก็เพิ่มขึ้นกว่า 1 หมื่นล้านเหรียญ
โดยมีภาคการส่งออกเป็นเรือธงนำหน้า
โดยไทยถูกจัดให้เป็นเสือตัวที่ 6
ตามหลัง 5 เสือแห่งเอเชียก่อนหน้านั้น
การที่ญี่ปุ่นกระจายฐานการผลิตไปทั่วโลกโดยเฉพาะเอเซีย ซึ่งอยู่ใกล้
ยิ่งทำให้เกินดุลการค้าต่ออเมริกาและต่อโลกเป็นจำนวนมากขึ้นกว่าเดิม
จนญี่ปุ่นตระหนักดีว่า :
หากขนเงินกลับประเทศตัวเอง ค่าเงินก็จะยิ่งแข็งไปกันใหญ่
จึงแก้ปัญหาโดยการจัดสรรเงินให้ความช่วยเหลือ(ให้กู้)ระยะยาว
แก่ประเทศที่ญี่ปุ่นเข้าครอบงำทางเศรษฐกิจทั้งหลาย
โดยการให้กู้ระยะยาวดอกเบี้ยต่ำ เป็นเวลา 10-50 ปีขึ้นไปด้วยเงิน Dollar
โดยมี Option ไม่ระบุค่าเงินที่จะชดใช้คืนในภายภาคหน้า
อาจเป็น Yen, US Dollar, Pond หรืออะไรก็ได้สุดแท้แต่ญี่ปุ่นจะเรียกคืนในภายหลัง
ซึ่งวิธีนี้ ทำให้ญี่ปุ่นสามารถกำหนดค่าเงินในอนาคตของตนเองได้อย่างสิ้นเชิง
ถึงแม้จะได้เปรียบดุลการค้าทั่วโลกมากมายมหาศาลจนกระทั่งถึงทุกวันนี้ก็ตาม
มกราคม 8, 2007 เวลา 12:50 am
ขอบคุณมากครับ พี่ matrix เป็นบทความที่ดีมากๆ
สมควรที่นักลงทุนในไทยทุกคนจะอ่านไว้เป็นอาหารสมอง
มกราคม 12, 2007 เวลา 4:26 pm
หาอ่านได้ยากยิ่งครับ
มกราคม 16, 2007 เวลา 11:58 am
ขอบคุณครับพี่ matrix
ติดตามอ่านบทความของพี่ตลอดครับ
มกราคม 19, 2007 เวลา 12:19 am
เข้ามาลงชื่อนับถือฝีมือพี่แมทครับ
มกราคม 19, 2007 เวลา 12:44 am
สุดยอดจริงๆ ครับ พี่เมทริก
เปิดหูเปิดตาผม….อย่างแรง !!!
มกราคม 19, 2007 เวลา 2:30 am
ขอบคุณมากครับ เปิดหูเปิดตาได้มากเลย
มกราคม 19, 2007 เวลา 10:08 am
ขอบคุณมากครับพี่เมทริก
ได้เปิดหูเปิดตาแล้ว
มกราคม 19, 2007 เวลา 7:18 pm
สาเหตุที่ญี่ปุ่นเกินดุล แล้วก็เกินดุลไปเรื่อยๆ
ก็เพราะอย่างนี้นี่เอง
ขอบคุณที่แนะนำให้อ่านครับ
มกราคม 20, 2007 เวลา 3:04 pm
สุดยอดครับ พี่ ขอบคุณมากครับ
มกราคม 20, 2007 เวลา 9:09 pm
ขอบคุณสำหรับความรู้ที่พี่มอบให้ครับ (แต่ทำไมต้องเป็นห่าน ไม่เป็นสัตว์ปีกชนิดอื่น หรือสัตว์ชนิดอื่นที่สามารถอพยพข้ามแดนได้เพื่อหาแหล่งอาหารที่อุดมสมบูรณ์กว่านะ)
มกราคม 23, 2007 เวลา 10:01 am
เป็นความรู้ที่บริโภคได้ทันที Instant Knowledge แทบไม่ต้องย่อยเลยครับ เข้าใจง่าย รู้เรื่องมากๆครับพี่
มกราคม 25, 2007 เวลา 10:56 am
ขอบคุณมากครับ ที่เขียนบทความดีๆ มาให้อ่าน เขียนอีกเยอะๆเลยนะพี่ (ถ้าไม่เหนื่อยซะก่อน)แล้วจะรออ่าน
กุมภาพันธ์ 4, 2007 เวลา 6:57 pm
ขอบคุณเพื่อนๆทุกท่าน ที่แวะมาทักทายเยี่ยมเยียน
และขอบคุณสำหรับคำชมของทุกท่านครับ
ขอถือเป็นกำลังใจ เพื่อพยายามเขียนให้ดีกว่านี้ต่อไปครับ 😉
กุมภาพันธ์ 9, 2007 เวลา 10:59 am
หาฟังที่ไหนไม่ได้นะครับ ต้องที่นี่ที่เดียว ขอบคุณครับ
flying geese กำลังเกิดขึ้นกับ จีน ใช่ไหมครับพี่แมกซ์
น่าทึ่งมากครับ วิธีคิดของคนญี่ปุ่น พี่แมกซ์ มีอีกไหม อยากฟังอีกครับ
กุมภาพันธ์ 18, 2007 เวลา 11:17 am
ขอบคุณมาก ให้ความรู้ดีมากเลย
มีนาคม 8, 2007 เวลา 10:02 am
ขอบคุณครับ
มีนาคม 8, 2007 เวลา 8:34 pm
ยอดมากๆ
มีนาคม 13, 2007 เวลา 5:49 am
สุดยอดกลยุทธเลยนะเนี่ย นับถือ นับถือ
มิถุนายน 26, 2007 เวลา 7:19 pm
ล้ำลึกๆ ข้าน้อยขอคารวะ